จำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศไทยในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
[3] * ร้อยละของประชากรที่มีสิทธิในการรักษา
[4]การนำเข้าวัคซีนจากแต่ละบริษัทในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
[3]โครงการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เป็นการฉีด
วัคซีนโควิด-19 ให้กับคนจำนวนมาก เพื่อรับมือกับ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่
กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564แผนการฉีดวัคซีนของประเทศในช่วงแรกต้องการใช้
วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศซึ่งบริษัท
สยามไบโอไซแอนซ์ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นหลัก คำสั่งห้ามนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่น การสื่อสารแบบขาดความเป็นเอกภาพ การกระจายวัคซีนโดยไม่คำนึงถึงลำดับความเร่งด่วนรวมถึงการเลือกปฏิบัติ และความแคลงใจต่อประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของ
วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแว็กซึ่งเป็นวัคซีนอีกชนิดที่นำมาใช้ในช่วงแรก ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2564
สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประกาศจะนำเข้าวัคซีนเพิ่มเติมคือ
วัคซีนโควิด-19 BBIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม หลังจากนั้นเริ่มมีคำสั่งอนุญาตให้ราชการส่วนท้องถิ่นและเอกชนนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นได้ ตามมาด้วยคำสั่งซื้อ
วัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ 4.21 ล้านโดส
[5] เริ่มมีการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายน แม้ว่ารัฐบาลจะตั้งเป้าให้ฉีดได้ครบ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564 แต่ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ส่วนใหญ่เนื่องจากวัคซีนยังไม่เพียงพอ